สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานแก่คณะบุคคลที่เข้าเฝ้า ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม 2546

ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้ง ในคำกล่าวของท่านนายกรัฐมนตรีเมื่อสักครู่นี้ ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นการให้กำลังใจอย่างมากแก่ผู้ที่พยายามอย่างยิ่งที่จะทำ หน้าที่ตอบแทน สนองคุณแผ่นดิน บ้านเกิดเมืองนอน สนองพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบรมราชวงศ์ และสนองพระคุณแห่งพระบวรพุทธศาสนา ที่ได้ปกป้องผืนแผ่นดินนี้มาตลอด ให้คนไทยเป็นคนที่เข้าใจและอ่อนโยน มีเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย จนกระทั่งประเทศไทยขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านเมืองที่มีความสงบสุข ทุก ๆ ศาสนา อยู่เคียงกันอยู่ด้วยกัน ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน อันนี้เป็นสิ่งที่พิเศษสุด และเมื่อมาได้ยินคำของนายกรัฐมนตรีที่กล่าวขึ้น ข้าพเจ้าก็ยิ่งซาบซึ้งใจ ถือว่าเป็นของขวัญอันประเสริฐสำหรับอายุ 71 นี้ ก็ขอขอบพระคุณท่านนายกฯ และคณะรัฐมนตรีทั้งหลาย และขอขอบใจคณะบุคคลซึ่งเป็นผู้แทนของหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอิสระ สภา สถาบัน สมาคม องค์กร สโมสร มูลนิธิ และกลุ่มพ่อค้าประชาชนทั้งหลาย ที่มาชุมนุมพร้อมกันในวันนี้ เพื่ออวยชัยให้พรข้าพเจ้าในวันเกิด ขอขอบพระคุณ ขอให้พรอันประเสริฐทั้งหลาย กลับคืนไปสู่ท่าน หมายความว่าขอให้ท่านทั้งหลายก็มีความสุข ความเจริญโดยทั่วกันเมื่อตุลาคม ปีที่แล้ว ข้าพเจ้าได้มีโอกาสได้รับเชิญไปที่สหรัฐอเมริกา และประเทศฝรั่งเศส เพื่อไปรับรางวัล ที่สหรัฐอเมริกาด้านมนุษยธรรม ที่ฝรั่งเศส ในฐานะที่เป็นผู้สนับสนุนดูแลพิทักษ์รักษาศิลปะต่าง ๆ ของประเทศไทย และของโลก ให้ดำรงอยู่กับโลก ซึ่งข้าพเจ้าภาคภูมิใจที่สุด และก่อนจะไปบังเอิญเรือใบทองคำที่เป็นฝีมือของชาวศิลปาชีพสำเร็จมา ข้าพเจ้าก็อดไม่ได้ในความปลื้มปีตินี้ เพราะว่าเป็นฝีมือของเด็ก ๆ ที่ยากจน 73 คน สมาชิกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ สร้างขึ้นเป็นการแสดงฝีมือการทำทองคำทุก ๆ ชนิด อย่างใบก็เป็นทองคำสลัก และบนหลังคามีศาลาเล็ก ๆ เป็นการทำคร่ำทอง หมายความว่า การสลักเอาเส้นทองคำลงไปในเหล็ก และมีการลงยา และถมทอง ฝีมือต่าง ๆ เกี่ยวกับการทำทองคำ เรือใบลำนี้เป็นเรือใบในรูปแบบของเรือใบสมัยโบราณ ในเรื่องพระมหาชนก เมื่อมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพทำเสร็จขึ้นมาก่อนที่ข้าพเจ้าต้องไปต่างประเทศ เพียงวันเดียว ข้าพเจ้าก็ดีใจ เอะอะ รีบให้โทรศัพท์ถึงท่านนายกรัฐมนตรี ความปลื้มบังคับไม่อยู่ ขอให้ท่านนายกฯ รีบมาดู ฝีมือศิลปาชีพที่ข้าพเจ้าจะเอาไปต่างประเทศด้วย เพราะว่าสวยงามเสียเหลือเกิน เด็กชาวบ้าน 73 คน ต้องเรียกว่าเขาเป็นศิลปินของชาติไทย หรือว่าช่างทองคำหลวง ท่านนายกฯ ก็ดีแสนดี ไม่ได้รู้ล่วงหน้าก่อนเลย ก็อุตส่าห์มาดูให้ และท่านนายกฯ ก็ชม บอกว่าสวยมาก ซึ่งข้าพเจ้าก็บอกว่า ฉันจะเอาไปด้วยละ ไปที่สหรัฐอเมริกา ก็เอาไปตั้งแสดง วันที่เชิญเลี้ยงตอบผู้ที่เลี้ยงดูข้าพเจ้า เพื่อนชาวอเมริกันทั้งหลาย ทุกคนก็ตะลึงงันกันทั้งนั้น ฝีมือทำทองต่าง ๆ เขาบอกว่าฝีมือคนที่ทำนี้จบจากมหาวิทยาลัยทางด้านศิลปะหรือเปล่า ข้าพเจ้าบอกว่า เปล่าเลย เป็นลูกชาวนา ชาวไร่ที่ยากจน เขาบอกว่า อะไรกัน ลูกชาวนาหรือทำอย่างนี้ได้ เพราะมันสวยเสียเหลือเกิน สวยระดับโลก สวยมาก ข้าพเจ้าบอกว่าเป็นลูกชาวนาชาวไร่จริง ๆ สิ่งนี้เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าภาคภูมิใจ ที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย ได้เกิดมาในพระบวรพุทธศาสนาและได้เกิดมาอยู่ในตำแหน่งที่จะรับใช้ชาติบ้าน เมือง รับใช้ประชาชนคนไทยทั้งหลาย อย่างน้อยให้เขาได้รับความสุขโดยทั่วไป

ข้าพเจ้าเองได้ไปเห็นชาว บ้านต่าง ๆ แล้วก็เห็นว่าเขาทำงานหนักมาก แต่ก็ไม่เคยทราบเลยว่า คนไทยนี่ สามารถที่จะเป็นศิลปินแห่งชาติได้ จนกระทั่งศิลปาชีพนี้เจริญขึ้นมาได้ทุกวันนี้ ก็เพราะลูกหลานของชาวไร่ชาวนา ได้บอกชาวต่างประเทศว่า ไม่มีนักเรียนมหาวิทยาลัยทางศิลปะ ทางอะไรเลย นี่คือชาวบ้านจริง ๆ เขาไม่อยากจะเชื่อ สวยเหลือเกิน มายืนดู โอ้โฮ วงใหญ่ เบียดกันแน่น ซึ่งข้าพเจ้าก็คิดว่าอันนี้เป็นความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงของมูลนิธิส่งเสริม ศิลปาชีพ ที่ได้เห็น ได้เฟ้นเอาเพชรต่าง ๆ ของไทยออกมาขัดเกลา และทำให้เขาได้มีโอกาส มีวาสนา ได้แสดงฝีมือ ความเก่งของเขาขึ้นจริง ๆ แปลว่าประเทศไทยของเรานี่ เพียบพร้อมไปด้วยคนที่มีความสามารถในแผนกต่าง ๆ ขอให้ได้โอกาสเท่านั้นเอง เมื่อได้โอกาสแล้วเขาก็สามารถที่จะแสดงออกมาเต็มที่ว่า เขาเป็นคนไทยที่มีความสามารถ และข้าพเจ้าซาบซึ้งในท่านนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐบาล ที่ได้สนับสนุนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพมาตลอด ก็เท่ากับให้ชีวิต ให้โอกาสแก่คนไทยเป็นจำนวนมาก ได้มีโอกาสแสดงความสามารถของเขาให้แก่ประเทศชาติ เป็นกำลังของประเทศชาติ ท่านนายกฯ ก็รีบมาดูเรือ และก็รู้สึกเอาใจช่วยข้าพเจ้าที่จะแบกไปที่อเมริกา ไปตั้งโชว์ ไปที่ฝรั่งเศสก็ไปตั้งโชว์ เพราะข้าพเจ้าก็ไปรับรางวัลที่ประเทศฝรั่งเศส ในฐานะที่เป็นผู้สนับสนุน ปกปักรักษาศิลปะที่งดงามต่าง ๆ ของโลก ไม่ให้สูญหายไปจากโลกนี้ ก็ได้รับรางวัล ซึ่งเป็นคล้าย ๆ เหรียญทองคำ เป็นแผ่นทองคำมากกว่า แกะสลักสวยงามมาก และได้โล่ด้วย

บัดนี้ท่านก็ได้เห็นฝีมือ ของเพื่อนคนไทยเราด้วยกัน ศิลปาชีพขณะนี้ มีสมาชิกทั่วประเทศ ประมาณ 150,000 กว่าคน และข้าพเจ้าก็พยายามอย่างยิ่งที่จะให้เขามีกำลังใจ ก็เวลาที่เสด็จแปรพระราชฐานไปที่ทางด้านอีสาน ที่สกลนคร ข้าพเจ้าก็ชักชวนชาวบ้านบอกว่า ทั้งอีสานนี้มาช่วยกันทำวันส่งเสริมไหมกัน เพราะอีสานนี้ขึ้นชื่อมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แล้ว ว่าเขาเป็นผู้ที่ปลูกหม่อนและเลี้ยงไหม สาวไหม ฝีมือของเขาขึ้นชื่อมานานแล้ว ตกลงก็ทำสำเร็จ ส่งเสริมวันไหมขึ้นที่จังหวัดสกลนคร ราว ๆ เดือนพฤศจิกายน และข้าพเจ้าก็พยายามเชิญเพื่อนฝูงที่เป็นชาติต่าง ๆ มาร่วมกัน มาดูงานวันนั้น ก็มีมากขึ้นทุกที ต่างชาติหลายประเทศก็อยากที่จะมา มาดู และประกอบกับเราทำในป่า เป็นสวนป่าดั้งเดิม ก็เลยสวยงามมาก และมีอาจารย์ทางศิลปากร อาจารย์สมิทธิ ช่วยจัดสวนป่านั่นให้เป็นที่แสดงผ้าไหมไทย หลายประเภทของชาวอีสาน คนก็แน่น ชาวบ้านก็แน่น มาแสดงทอให้ชาวต่างประเทศดู แสดงการสาวไหมให้ดูเวลานั้นเลย สาวไหม ทอไหมต่าง ๆ ให้ชาวต่างประเทศต่าง ๆ ได้เห็นกับตา เสร็จแล้วก็มีการขายไหมต่อ โดยศิลปาชีพก็ขาย ชาวบ้านก็เอามาขายด้วย นับว่าเป็นวันที่สนุกสนานมาก ชาวต่างประเทศก็เตรียมเงินเตรียมทองมา เพื่อจะมาซื้อไหม ที่เขาเห็นทำสด ๆ ร้อน ๆ นี่ วิธีทำเป็นอย่างไร ข้าพเจ้าให้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษในหมู่ชาวต่างประเทศว่า เป็นวัน Silk Festival ภาษาไทย ก็ วันส่งเสริมไหมไทย เสร็จแล้วก็มีการรับประทานอาหารค่ำร่วมกัน แล้วชาวบ้านอำเภอต่าง ๆ หมู่บ้านต่าง ๆ ก็แสดงการฟ้อนรำของชาวภาคอีสาน และผู้หญิงสาว ๆ ก็ไปโค้งรำวงกับชาวต่างประเทศต่าง ๆ ก็สนุกสนานกันดี รู้สึกว่าท่านนายกฯ ก็โดนโค้งด้วย รู้สึกสนุกกันหมดเลย ทูตด้วย ต่างแสดงลวดลายการรำวงกับชาวบ้าน ชาวบ้านก็สนุก ชาวต่างประเทศก็สนุก ข้าพเจ้าเองก็สนุก รู้สึกเบาใจ ได้เห็นว่างานนี้ทุกคนชื่นชมทั้งนั้น

ข้าพเจ้าต้องไม่ลืมว่า วันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงเปิดโทรทัศน์ฟังอยู่ที่ข้าพเจ้าพูด และท่านก็รับสั่งว่า นี่ พอแล้วนะ ไอ้เรื่องป่ากะน้ำน่ะ มันนานมาแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว พอ บางทีท่านก็ทรงชม บางทีท่านก็บอกว่า โอ๊ย นี่ มากเกินไป พอแล้ว หลายปี ข้าพเจ้าเป็นกลัวที่สุด ที่ท่านทรงติดตาม อย่างไปต่างประเทศ ก็ยังทรงติดตามไปฟังภาษาอังกฤษที่ข้าพเจ้าพูด เวลาไปอ่าน ได้รับรางวัล และมีการอ่านตอบ อะไรอย่างนี้ ก็รับสั่งว่า ไอ้ตรงนั้นมันไม่ดี ตรงนี้ไม่ดี เพราะฉะนั้นก็ประหม่าก็อีตอนนี้ เพราะทรงฟังอยู่ ขนาดเรื่องป่านี่ก็พูดนานมาก หลายหน ก็ยังไม่ค่อยได้ผลเลย จริงไหมคะ ท่านนายกฯ ไม่ค่อยได้ผล ป่าก็หมดลง ๆ นี่ ข้าพเจ้าก็บ่นมาทุกปีเลย ยังไม่ได้ผลอะไร ตอนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ค่อยทรงสบาย ตอนนั้น ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบว่าทรงเจ็บมาก ทรงเป็น ไส้เลื่อน ก็ทรงปิด ไม่ได้รับสั่งอะไร ทรงเจ็บก็ไม่ได้เสด็จมาหลายปี ข้าพเจ้าก็ไปตามจังหวัดต่าง ๆ ภาคต่าง ๆ เอง พอไปทางภาคใต้ ชาวบ้านก็มาปรับทุกข์ อย่างที่เขาเคยปรับทุกข์กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขาบอกเดี๋ยวนี้เขาเป็นชาวประมง แต่เดี๋ยวนี้จับปลาไม่ค่อยได้ ออกไปจับก็ได้นิดเดียว ขายได้นิดเดียว รายได้ก็ตกต่ำยากจน ข้าพเจ้าก็รู้สึก เข้าใจว่า คนเรานี้ เกิดมากขึ้น ไอ้ปลานี่ก็ถูกกินมากขึ้นทุกที ๆ และบางครั้ง การที่น้ำเสีย หรือทิ้งของสกปรกต่าง ๆ ลงไปในแม่น้ำลำคลองมาก ๆ หรือในทะเลมาก ๆ ปลาก็สูญพันธุ์ไป ไม่ใช่น้อย อย่างหนังสือพิมพ์ รู้สึกว่าเป็น Newsweek เมื่อเร็ว ๆ นี้ เขาก็พูดถึงว่า ท้องทะเลมหาสมุทรต่าง ๆ นี้ กำลังจะตายไป เขาใช้คำว่า The oceans are dying หมายความว่า พวกเราคนในโลกก็มากขึ้น ก็ทิ้งของสกปรกต่าง ๆ ลงไป สัตว์น้ำต่าง ๆ มันทนไม่ได้ มันก็ตายไป สูญเป็นพันธุ์ ๆ ไป พันธุ์ต่าง ๆ สูญไปเยอะแยะ เขาก็มีความวิตกห่วงใย

ข้าพเจ้าไปพบชาวบ้านก็สอน เขาว่า ของอะไรทั้งหลายก็อย่าทิ้งขว้างลงไปในแม่น้ำลำคลองนักซี่ พอดีเขามาปรารภเรื่องที่เขาจับปลาไม่ค่อยได้ เขาเป็นชาวประมง และยากจน ข้าพเจ้าก็เลยประชุมคณะกรรมการที่ตามเสด็จไปตามภาคต่าง ๆ ตอนนั้นก็มีคุณปลอดประสพ ดร.จรัญ ธาดา มีหลายคน ช่วยกันคิด บอกว่าก็ลองคิดทิ้งปะการังเทียม ข้าพเจ้าเองก็ไม่รู้เรื่อง ทิ้งปะการังเทียมลงไปในน้ำ ก็จะทำให้มีปลามากขึ้น ก็ช่วยกัน ทุก ๆ แผนก ก็ช่วยกัน ทางการรถไฟฯ ก็ช่วย ทางทหารเรือก็ช่วย ทิ้งของลงไป อย่างเรือเก่า ๆ มีรถไฟคันเก่า ๆ เขาก็เอามาถวาย ก็ทิ้งลงไปในน้ำ ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ผลอย่างนั้น ไม่ถึงปี ปลาต่าง ๆ ก็เริ่มเข้ามา แทนที่จะหนีลงไปในทะเลลึกหมด ก็เริ่มเข้ามาที่เราทิ้งปะการังเทียมต่าง ๆ ทำที่จังหวัดปัตตานี ทำมาก ก็เฝ้าดูผลกัน ปรากฏว่าผลได้ดีมาก และพอไปชาวบ้านก็บอกว่า เดี๋ยวนี้จับปลาได้ เกิดปลาเล็กปลาน้อย ปลาต่าง ๆ ในที่ ๆ ไม่เคยมีปลา เพราะไม่อย่างนั้น เขาเรือประมงเล็ก ๆ อย่างชาวบ้าน ถ้าจะออกท้องทะเลลึก ก็ไปไม่ไหว กลัวอันตราย คราวนี้ ตั้งแต่ทิ้งปะการังเทียมนี่ ปลาต่าง ๆ มันมามากขึ้นทุกที ชาวบ้านก็เป็นอันว่า สบายใจ ได้จับปลา ได้พอมีพอกิน เขาก็มาขอบใจข้าพเจ้า และจังหวัดต่าง ๆ ก็มาต่อว่าว่า เอ๊ะทำไมไม่ไปช่วยจังหวัดโน้นจังหวัดนี้ ข้าพเจ้าเองก็อยากจะแข็งแรงมาก ๆ อย่างผ่านพระปฐมเจดีย์ จะไปหัวหิน ก็อธิษฐานว่า ขอให้แข็งแรงต่อไป เพื่อจะได้ออกไปช่วยราษฎรอย่างที่ทำอย่างนี้ เพราะเขาก็ยังยากจนอยู่ อยากจะให้แข็งแรง และได้ออกไปช่วยอย่างสม่ำเสมอ อย่างเวลาที่ไปทางภาคเหนือ พวกที่มาขอความช่วยเหลือ ก็คือชาวเขาเผ่าต่าง ๆเขาบอกว่า เขาไม่อยากปลูกฝิ่น แต่ขอให้พ่อหลวง แม่หลวง คิดหาทางทำมาหากินให้เขาหน่อยเถอะ เพราะว่าเขาเกิดมา พ่อแม่เขาก็ปลูกแต่ฝิ่น เขาก็ไม่รู้จะทำอะไร เมื่อหยุดปลูกฝิ่น ก็ไม่รู้จะหากินยังไง ข้าพเจ้าก็เห็นใจ เพราะว่าขนาดแกปลูกฝิ่น ดูแกยังจ๊น จน และก็ตายอายุสั้นทั้งนั้นเลย อายุ 40 กว่า ก็ตายแล้ว เพราะว่าข้างบนนั้นมันหนาวจัด และแกยากจน และกะต๊อบของเขาก็เป็นรูโหว่ พรุนไป งานการก็ไม่มีที่จะทำ ทำไร่ ก็ไร่ฝิ่น ไร่ข้าวก็พอมีพอกินเท่านั้นเอง จะขายก็ไม่ได้ ข้าพเจ้าก็เลยสัญญากับเขาว่า ตกลงจะลองพยายาม หาฟื้นฟูอาชีพต่าง ๆ ให้เขา ถ้าเขาสัญญาว่า จะเลิกปลูกฝิ่น ก็จะช่วยเขา ตกลงก็ช่วยกันคิด คิดว่าจะทำเกี่ยวกับอาหาร ก็อ่านตาม Newsweek และ Far-eastern Ecconomic เขาก็เป็นห่วงกันว่า คนในโลกเกิดมาก แต่ว่าการผลิตอาหาร มันยังไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นช่วยกันผลิตอาหาร คล้าย ๆ ทำธนาคารอาหารขึ้น ในประเทศไหนที่ทำได้ ก็ให้ทำขึ้น ข้าพเจ้าก็เลยไปกราบบังคมทูลปรึกษา ก็ไปซื้อที่ต่าง ๆ ทำโครงการฟาร์มตัวอย่างถึง 8 แห่ง ตอนนี้ 8 แห่งทั่วประเทศไทย อย่างบนเขา ก็ซื้อฟาร์มตัวอย่าง และเลี้ยงอะไรสาระพัด ต่าง ๆ และจ้างชาวเขาทุกเผ่า จ้างชาวบ้านมาทำงานในโครงการฟาร์มตัวอย่าง ทีแรกข้าราชการข้าราชสำนัก ก็บอกข้าพเจ้าอย่างภาคภูมิใจว่า แหม เขาซื้อฟาร์มถวาย ซื้อที่ดินถวายสำหรับทำฟาร์มตัวอย่าง และทำได้ดี ใช้คนแค่ 40 คนก็ทำได้ปร๋อเลย ข้าพเจ้าก็ดุเขาบอกว่า ไม่ได้ ที่ฉันทำฟาร์มตัวอย่างขึ้นนี้ เพื่อสอนชาวบ้านให้สะสมอาหารเพิ่มขึ้น จะได้ไม่มีปัญหาในเรื่องอาหารการกิน และทำโครงการฟาร์มตัวอย่าง อย่างที่สองคือต้องการให้ทุก ๆ คนที่ข้าพเจ้าพบปะ ได้มีอาชีพ ได้มีทางทำมาหากิน คือรับเขาเข้ามา และจ่ายเงินให้เขาเป็นลูกจ้างในฟาร์มตัวอย่างนั้น ในเวลาเดียวกัน เขาก็เห็นวิธีเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ เลี้ยงแกะ เลี้ยงอะไรทั้งหลายแหล่ ชาวบ้านก็ได้เห็น และได้ค่าจ้างทุกวัน ข้าพเจ้าก็บอกว่า ต้องการคนงานมาก ๆ เพื่อให้ชาวเขาเหล่านี้ได้มีงานทำ ได้เลิกปลูกฝิ่นเด็ดขาด มาทำงานในฟาร์มตัวอย่าง และต่อไป ถ้าเขาจะแยกตัวออกไปเลี้ยงสัตว์ต่าง ๆ ทำฟาร์มของเขา ก็จะเป็นผลดี เขาได้มาฝึกทำที่นี่แล้ว และก็ได้พยายามสนับสนุนเกี่ยวกับเรื่องป่าชายเลน อันนี้กลับมาเรื่องป่าอีกหน่อย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็สอนข้าพเจ้าเสมอว่า ป่าชายเลนนี่ ให้ช่วยกันระวังรักษา เพราะว่าป่าชายเลนนี่ เหมือนสถานอนุบาลของสัตว์น้ำเล็ก ๆ ตอนที่ยังเล็ก ๆ เขายังไม่สามารถเลี้ยงตัวได้ การที่มีป่าชายเลนนี่ ทำให้เขาสามารถเลี้ยงตัวได้และรอดชีวิต เป็นปลาใหญ่ขึ้นมา เป็นกุ้งใหญ่ เป็นปูใหญ่ เจริญเติบโตขึ้นมาแล้วเป็นอาหารของมนุษย์ต่อไป แต่ถ้าไม่มีป่าชายเลนแล้ว พันธุ์ปลา พันธุ์กุ้ง พันธุ์ปู ก็คงจะค่อย ๆ สูญไป เพราะเท่าเป็นสถานอนุบาล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสอนข้าพเจ้า ไว้ ก็เลยตั้งหน้าตั้งตาสนับสนุนป่าชายเลน และป่าต่าง ๆ อย่างชาวบ้านเขาเห็นข้าพเจ้าเป็นพระราชินี เขาก็ไม่มีอะไรปกปิด เข้ามาเล่า บอกว่า แหมฉันนี่บุกป่า หมายถึงป่าสงวน เดี๋ยวนี้มีที่ดิน 50 ไร่แล้ว บุกป่า ข้าพเจ้าก็ดูในประวัติของเขา เห็นเขาทำไร่ทำนาเพียง 5 ไร่ แต่เขามี 50 ไร่ เขาบอกว่าเขาบุกไปได้ 50 ไร่ แต่ทำเพียง 5 ไร่ ก็ถามเขาว่า บุกเข้าไปตั้ง 50 ไร่ แต่ทำไมทำเพียง 5 ไร่ เขาบอกว่า "มันไม่มีน้ำซิคุณแม่" มันไม่มีน้ำ มันถึงทำอะไรไม่ค่อยได้ ทำได้แค่ 5 ไร่ ข้าพเจ้าก็บอกไปว่า ขืนบุกป่าต่อไปอีกมาก ๆ น้ำก็จะน้อยเข้า ๆ ทำอะไรไม่ได้เลย เข้าใจไหม ยิ่งบุกป่าเข้าไปมากเท่าไหร่นี่ น้ำใต้ดิน น้ำฝนก็จะลดน้อยลงไป ข้าพเจ้าดุเขา ๆ ก็บอกว่า อ้าว ก็ไม่รู้นี่คุณแม่ ไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างนั้นนี่ เขาอยากได้ที่เขาก็บุกป่า เขาสารภาพมาให้ฟังอย่างเบิกบาน บอกทีหลังให้รู้ไว้นะ ว่า การที่ทางการสงวนป่าไว้นี่ ก็เพื่อความสมดุล ของธรรมชาติ เพราะว่าทุกครั้งที่มีพายุ มีฝนอะไรมา ต้นไม้ต่าง ๆ ก็จะดูดน้ำเข้าไว้ที่ลำต้นและใต้ดิน แล้วกลายเป็นน้ำบาดาล เป็นประโยชน์แก่พวกเราเอง ถ้าเผื่อเราตัดป่าเพื่อจะเอาที่ดิน และนี่ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่า ตัดป่า 50 ไร่ ไม่มีน้ำ ทำได้เพียง 5 ไร่ ก็มีแค่ 5 ไร่นี่เอง เขาก็บอกว่า ถ้าพูดอย่างนี้ก็เข้าใจซิคุณแม่ ก็ไม่ได้บอกอะไรนี่ ไอ้เรายากจน ไหน ๆ บุกแล้วก็บุกให้เยอะ ๆ ไปเลยชาวบ้าน เขาก็ซื่อ ๆ น่ารัก ก็บอกเขาทีนี้เขาก็เลยฟิตกัน มีเป็นสมาชิกรักษาพันธุ์ไม้ ทั้งป่าชายเลน ทั้งป่าต่าง ๆ ชาวบ้านตั้งขึ้นเองเข้มแข็งมาก ช่วยกันตรวจ ช่วยกันดูแล เพราะเขาทราบแล้วว่าป่านี้คือแหล่งน้ำ ข้าพเจ้าเคยได้ไปตามเสด็จฯ ไปประเทศลาว และได้ไปพบปะคณะรัฐบาลคนสำคัญของประเทศลาว เขาก็ถามข้าพเจ้า ถามแบบเพื่อนกัน เมืองไทยผู้ที่สำเร็จการศึกษาเป็นด๊อกเตอร์นี่เยอะแยะไปหมด แต่เขาไม่เข้าใจว่าด๊อกเตอร์เยอะแยะตัดป่าตัวเองเสียเหี้ยน เหี้ยนเต้ไปหมด นี่เป็นบุคคลสำคัญนะที่ถาม บอกไม่รู้หรือว่าป่านี่คือแหล่งน้ำ แล้วทำไมเขาตัดกันเหี้ยนเต้ เป็นด๊อกเตอร์กันเยอะแยะมากกว่าคนลาวเยอะแยะเชียว ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบจะตอบอย่างไร และ เธอก็บอกว่า อย่างลาวนี่ พยายามรักษาป่าไว้ เพราะว่าห่วงเรื่องน้ำใต้ดิน และฝนฟ้าที่จะตกต้องตามฤดูกาล ก็พยายามรักษาป่า แล้วคนไทยก็ยังข้ามไปฝั่งลาว จะไปตัดป่าลาวอีก อันนี้คนสำคัญลาวเขาฟ้องข้าพเจ้า บอกทำไมด๊อกเตอร์ต่าง ๆ ไม่อธิบายให้คนเขาทราบว่า ป่านี่มันสำคัญอย่างไร ข้าพเจ้าบอก เขาก็คงอธิบายแล้วแต่ที่จะให้ประชากรจำนวนมากเข้าใจหมดนี่คงต้องใช้เวลา หน่อย ก็อธิบายให้ท่านฟัง เป็นภรรยาประธานาธิบดี ถามเอง บอกคนไทยนี่แปลก นึกว่าการศึกษาสูง แต่โค่นป่าของตัวเสียเตียนหมด แล้วยังมาตัดป่าของลาว ข้ามไปตัดป่าเขมร เขารู้หมด ขณะนี้เขายังเป็นลัทธิคอมมิวนิสต์อยู่ พูดอะไรเค้าก็พูดตรง ๆ และเธอก็บอกว่า แหมก่อนที่ท่านจะมานะ ฉันก็ใจไม่ดี เพราะไม่เคยชอบ พระเจ้าแผ่นดินกับพระราชินีไม่เคยชอบเลย แต่ว่ามาคราวนี้ มารู้จักพระเจ้าอยู่หัว มารู้จักยูแล้ว ต้องบอกว่า ชอบมาก ๆ เชียวก่อนจะกลับก็มีน้ำตาไหลด้วย รักกัน แต่เขาเป็นคนพูดตรง ๆ ไม่มีการพูดมากอย่างพวกเราด้วยซ้ำ พูดอะไรก็พูดไปตรง ๆ กลับไปพูดถึงวันหม่อนไหมที่สกลนคร ชาวต่างประเทศที่ข้าพเจ้าเชิญมาเพิ่มขึ้นทุกปีมากขึ้นทุกปี บอกชอบเหลือเกินเห็นงานนี้แล้วสวยงามเป็นธรรมชาติมีในป่าแล้วก็ได้ไปเห็นแม่ น้ำโขงซึ่งเป็นแม่น้ำที่สำคัญของเอเชีย เป็นแม่น้ำที่หล่อเลี้ยงคนหลายชาติ เพราะฉะนั้นเขาตื่นเต้นมากไปอยู่ที่สกลนครแล้วข้าพเจ้าก็จัดให้เขาไปอยู่ที่ นครพนมมีโรงแรม ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ ก็ได้ช่วยสนับสนุนมาตลอดชาวต่างประเทศก็ชอบมากเพราะทางจังหวัดนครพนมได้แสดง ประเพณี วัฒนธรรม การลอยกระทงไหลเรือไฟ แล้วก็ยังมีการปล่อยลูกปลาบึกที่กรมประมงของเราเพาะพันธุ์ได้ลงสู่แม่น้ำโขง ของเรานี้เป็นที่ประทับใจของชาวต่างประเทศมาก ปีนี้ก็จองกันอีกว่าจะต้องไปเฝ้าที่สกลนคร เดือนพฤศจิกายน วันที่ 20 กว่า ๆ สนุกสนานมากข้าพเจ้าเองก็สนุก แต่เหนื่อยมากเพราะต้องส่งภาษาฝรั่งอยู่ตลอด ภาษาฝรั่งก็ไม่ได้ไปนาน ๆ ไปครั้งก็ไม่ค่อยจะคล่อง ซ้าย ขวา หน้า หลัง ต้องส่งภาษาฝรั่งตลอดแต่เขาก็เบิกบานกันเขาชอบตอนรำวง คราวนี้ก็หวังว่าท่านนายกก็จะไปรำวงกันอีก ทุก ๆ ท่านที่ใครไปได้ท่านผู้บัญชาการตำรวจเคยไปรำวงบ้างหรือยัง แล้วก็กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กองทัพบกรู้สึกก็จะไปกันเสมอ แล้วใครว่างเชิญไปดูได้สนุกสนานแล้วฝรั่งแหม่มก็พยายามวาดลวดลายรำวงกัน รู้สึกชอบมาก ข้าพเจ้าก็จะขอจบการพูดขอ ลา ท่านทั้งหลายแล้วก็ขอบอกว่าข้าพเจ้ามีความซาบซึ้งในน้ำใจของทุก ๆ ท่านที่มาให้กำลังใจในปีที่ 71 แล้วก็หวังว่าปีที่ 72 ก็จะมาให้กำลังใจต่อไปจะได้แข็งแรง แต่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งลับหลังข้าพเจ้าบอกไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เพราะอายุตั้งป่านนี้แล้วแต่วิ่งถัก ๆ ไปตลอด แต่ผ่านนครปฐมก็ขอขอกำใจขอแรงจากสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ก็ขอขอบพระคุณทุกท่านมากนะคะ กุศลกรรมต่าง ๆ ที่ข้าพเจ้าทำก็ขอให้ทุกท่านประสบความสุขกายสุขใจมีอายุมั่นขวัญยืนทุก ประการ

ข้อมูลจาก :www.prd2.in.th
พระราชประวัติ พระราชินี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ชม ภาพพระราชินี รูปพระราชินี อ่าน กลอนพระราชินี ติดตาม พระบรมราโชวาท พระราชดำรัส โครงการพระราชดำริ และ พระราชกรณียกิจ ของ พระราชินี
◊ เรื่องที่เกี่ยวข้อง
คําขวัญวันแม่ คําขวัญวันแม่
กลอนวันแม่ กลอนวันแม่
เรียงความวันแม่ เรียงความวันแม่
เพลงแม่ เพลงแม่
วันแม่ วันแม่
วันแม่ ดู รูปวันแม่ การ์ดวันแม่ซึ้ง ๆ คลิกรูปวันแม่ การ์ดวันแม่ซึ้ง ๆ




Valid XHTML 1.0 Transitional